เพื่อการปกป้องผิวจากแสงแดด คุณผู้อ่านจึงไม่ควรละเลยการทาครีมกันแดด โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดที่ปกป้องผิวจาก ยูวีเอ และยูวีบี สังเกตได้จาก ค่า pa ที่มีคุณสมบัติปกป้องผิวจาก ยูวีเอ ส่วน ค่า spf จะป้องกันยูวีบี
ทั้งค่า pa และ spf ต่างก็มีแยกย่อยออกเป็นหลายชนิด และความแตกต่างนั้นบ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่ต่างกัน โดย พญ.ธวลิดา เวชชวิณิชย์ แพทย์ผิวหนัง, เลเซอร์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระรามเก้า จะมาช่วยไขคำตอบให้...เริ่มจาก ค่า pa ที่มักจะมีให้เห็น อาทิ pa+, pa++, pa+++ สำหรับความหมายของ + ที่ติดมากับค่า pa คือ ความสามารถปกป้องผิวจากยูวีเอแบบเท่าตัว กล่าวคือ เครื่องหมายบวกเดียว เท่ากับการป้องกันยูวีเอ 2 เท่า เครื่องหมายบวกสองตัว คือ ปกป้อง 4 เท่า และสามบวก คือ ป้องกันยูวีเอ 8 เท่าส่วนค่า spf ที่มีตัวเลขต่อท้าย อาทิ spf10, spf15, spf 60 นั้นสามารถนำมาคำนวณระยะเวลาในการปกป้องผิวจากยูวีบี โดยนำตัวเลขส่วนท้ายคูณด้วย 30 ผลลัพธ์ที่ได้หมายถึงจำนวนนาทีที่ครีมกันแดดชนิดนั้นจะป้องกันยูวีบีได้ เช่น spf10 นำ 10x30 เท่ากับ 300 นาที
อย่างไรก็ตาม ถ้าคุณผู้อ่านไม่ทาครีมกันแดดเพื่อปกป้องผิวเลย เมื่อคุณต้องออกไปอยู่ในสถานที่แจ้ง แสงแดดแรงร้อน ผิวของคุณก็จะเกิดอาการแดงและคล้ำได้ภายใน 30 นาที และหากเป็นเช่นนั้นอยู่บ่อยครั้ง ผิวของคุณก็จะเผชิญกับปัญหาผิวหมองคล้ำ เกิดริ้วรอย และแก่ก่อนวัย รุนแรงมากอาจเป็นมะเร็งผิวหนังได้
ที่มา : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์